วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(1)


พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(1)



พระคาถาที่ผู้ผลิตผู้เป็นอาจารย์จะต้องนำมาปลุกเสกรูปแม่นางกวัก
ที่ผลิตขึ้นแล้ว(เพื่อให้ทรงความขลัง)

เริ่มต้นด้วยการอัญเชิญวิญญาณเทพยดา คั้งแต่เทวโลก ถึงพรหมโลก
ตลอดถึงจิตวิญญาณของเทพทั้งปวง และจิตวิญญาณของท่านแม่สุภาวดี
ให้เสด็จมาฟังเราเจริญคุณพระรัตนตรัย และให้ท่านแผ่อานุภาพมาสถิตอยู่
ในรูปแม่นางกวักที่ตนผลิตขึ้นหรือได้รับมาตลอดไป ดังนี้:
สัคเค กาเม จะ รูเป
คอริสิขะระตะเฏ
จันทะลิกเข วิมาเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม
ตะรุวะนะคะหะเน
เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา
ชะละถะละวิสเม
ยักขะคันธัพพนาคา
ติฏฐันตา  สันติเก ยัง
มุนิวะจะนัง สาธะโว
เม สุณันตุ
พุทธัสสะวะนะกาโล
อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล
อะยัมภะทันตา
สังฆัสสะวันะกาโล
อะยัมภะทันตา.

-พร้อมกับอัญเชิญดวงวิญญาณของท่านสุภาวดี หรือแม่นางกวัก เป็นภาษาไทย ให้มาร่วมฟังเรา เจริญคุณพระรัตนตรัย และมาสถิตอยู่ในรูปปั้นด้วย
แล้วเริ่มต้นเจริญ
พระพุทธคุณ คือ อิติปิโส ภควา เป็นต้น
พระธรรมคุณ คือ สวากขาโต ภควตา ธัมโม เป็นต้น
พระสังฆคุณ คือ สุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ เป็นต้น
-ต่อด้วย พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ เป็นต้น ไปจนจบ(ซึ่งทุกคนคงจำได้)

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(2)

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(2)


-เสร็จแล้วเสกต่อด้วยพระคาถา เบิกฤกษ์ ว่า:
สุนักขัตตัง สุมังคะลัง  สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง
สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรหมะจาริสุ
ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง
ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธี เต ปะทักขิณา
ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ.

-เสร็จแล้วเสกต่อด้วยคาถา พระวิภังค์ ว่า :
1)ปัญจักขันธา  รูปักขันโธ เวทนากขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ วิญญาณักขันโธ.
2) ตัตถะ กะตะโม รูปักขันโธ.
3) ยังกิญจิ รูปัง อะตีตานาคะตะปัจจุปันนัง
4) อัชฌัตตัง วา พะหิทธา วา โอฬาริกัง วา สุขุมัง วา
5) หีนัง ว่า ปะณีตัง วา ยัง ทู เร สันติเก วา
6) ตะเทกัชฌัง อะภิสัญญูหิตะวา อะภิสังขิปิตะวา
7) อะยัง วุจจะติ รูปักขันโธ.
-เสร็จแล้วเสกด้วยอาการ 32 ว่า:
เกสา, โลมา, นะขา, ทันตา, ตะโจ, มังสัง, นะหารู,
อัฏฐี,อัฏฐิมิญชัง, วักกัง, หะทะยัง, ยะกะนังม, กิโลมะกัง,
ปิหะกัง, ปัปผาสัง, อันตัง, อันตะคุณัง, อุทริยัง, กะรีสัง,
ปิตตัง, สมหัง, ปุพโพ, โลหิตัง, เสโท, เมโท, อัสสุ, วะสา,
เขฬา, ละสิกา, มุตตัง, มัตถะเก มัตถะลุงคันติ.

-เสร็จแล้วให้เสกต่อด้วยแม่ธาตุทั้ง 4 ว่า:
นะ อุ มะ มะพะทะนะ (ธาตุน้ำ)
มะ อุ อะ พะทะนะมะ (ธาตุดิน)
พะ อุ  อะ ทะนะมะพะ (ธาตุลม)
ทะ อุ อะ  นะมะพะทะ (ธาตุไฟ)

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(3)

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(3)



-เสร็จแล้ว ให้ปลุกเสกรูปแม่นางกวัก ด้วยพระคาถาว่า:
กุมารกัสสะโป เถโร มเหสี จิตตะวาทะโก
โส ตุยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติกฐาหิ คุณากโร
ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลี นันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติลิกา ตุยหัง.
แล้วเป่าไปที่หน้าผากของรูปแม่นางกวัก(เสก 3 จบ)
-เสร็จแล้วให้เสกพระเวท เบิกดวงตาของรูปแม่นางกวัก ด้วยคาถา ว่า:
สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพพะจักขุง วิโสธะยิใ(เสกแล้วเป่าไปข้างละ 3 จบ)
-เสร็จแล้วให้เสกซ้ำด้วยพระคาถามงคลจักรวาลน้อย ว่า:
สัพพะพุทธานุภาเวนะ, สัพพะธัมมานุภาเวนะ, สัพพะสังฆานุภาเวนะ,
1)พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง,
2)ติณณัง ระตะนานัง อานุภาเวนะ,
3)จะตุราสีติสะหัสสะธัมมักขันธานุภาเวนะ,
4)ปิฏะกัตตะยานุภาเวนะ, ชินะสาวะกานุภาเวนะ,
5)สัพเพ เต โรคา, สัพเพ เต ภะยา, สัพเพ เต อันตะรายา,
6)สัพเพ เต อุปัททะวา, สัพเพ เต ทุนนิมิตตา, สัพเพ เต อะวะมังคะลา, วินัสสันตุ.
7)อายุวัฑฒะโก, ธะนะวัฑฒะโกๆๆๆๆ, สิริวัฑฒะโก,
8) ยะสะวัฑฒะโก, พะละวัฑฒะโก, วัณณะวัฑฒะโก, สุขะวัฑฒะโก, โหตุ สัพพะทา,
9)ทุกขะโรคะภะยา เวรา, โสกา สัตตุ จุปัททะวา, อะเนกา อันตะรายาปิ, วินัสสันตุ จะ เตชะสา.
10)ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภังๆๆๆๆ, โสตถิ ภาคฺยัง สุขัง พะลัง,
11)สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ, โภคังๆๆๆๆ วุฑฒี จะ ยะสะวา,
12)สะตะวัสสา จะ อายู จะ, ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต.

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(4)


พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(4)


-เสร็จแล้วให้เสกต่อลงไป ด้วยพระคาถามงคลจักรวาลใหญ่ ว่า:
สิริธิติมะติเตโชชะยะสิทธิ มะหิทธิมะหาคุณา
ปะริมิตะปุญญาธิการัสสะ
สัพพันตะรายะนิวาระณะสะมัตถัสสะ
 ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
 ทวัตติงสะมะหาปุริสะลักขะณานุภาเวนะ
อะสีตยานุพยัญชะนานุภาเวนะ
 อัฏฐุตตะระสะตะมังคะลานุภาเวนะ
ฉัพพัณณะรังสิยานุภาเวนะ
เกตุมาลานุภาเวนะ
ทะสะปาระมิตานุภาเวนะ
ทะสะอุปะปาระมิตานุภาเวนะ
ทะสะปะระมัตถะปาระมิตานุภาะเวนะ
สีละสะมาธิปัญญานุภาเวนะ
 พุทธานุภาเวนะ
ธัมมานุภาเวนะ
สังฆานุภาเวนะ
เตชานุภาเวนะ
อิทธานุภาเวนะ
พะลานุภาเวนะ
เญยยะธัมมานุภาเวนะ
 จะตุราสีติสะหัสสะ
 ธัมมักขันธานุภาเวนะ
นะวะโลกุตตะระธัมมานุภาเวนะ
 อัฏฐังคิกะมัคคานุภาเวนะ
 อัฏฐะสะมาปัตติยานุภาเวนะ

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(5)


พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(5)



ฉะฬะภิญญานุภาเวนะ
จะตุสัจจะญาณานุภาเวนะ
ทะสะพะละญาณานุภาเวนะ

สัพพัญญุตะญาณานุภาเวนะ
 เมตตากะรุณามุทิตาอุเปกขานุภาเวนะ
 สัพพะปะริตตานุภาเวนะ

ระตะนัตตะยะสะระณานุภาเวนะ
 มัยหัง สัพพะโรคะโสกุปัททะวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา วินัสสันตุ

สัพพะอันตะรายาปิ วินัสสันตุ สัพพะสังกัปปา ตุยหัง สะมิชฌันตุ
(ปรารถนาจะให้ได้โชคลาภอะไร ก็อธิษฐานลงไป)

ทีฆายุตา มัยหัง โหตุ สะตะวัสสะชีเวนะ สะมังคิโก โหตุ สัพพะทา .

อากาสะปัพพะตะวะนะภูมิคังคามะหาสะมุททา
 อารักขะกา เทวะตา สะทา ตุมเห อะนุรักขันตุ.
หมายเหตุ พระคาถานี้ หากปลุกเสกให้ผู้อื่น คำว่า มัยหัง ให้เปลี่ยนเป็น ตุยหัง ทุกตอน

-เสร็จแล้วให้เสกแล้วเป่าลงไปด้วยพระคาถาต่างๆตามลำดับดังนี้
1)คัจฉันโต โลกิยา ธัมมา คัจฉันโต อะมะตัง ปะทัง

คะโต โส สัตตะโมเจตุง คะตัญญาณัง นะมามิหัง.
2) นิจจัง กาลัง โหติ เทวะตาปิ นิปัตเตยยัง
มะหาเตชัง มะหาตะปัง พะเล เนเน เตเช ชะยะตุ ชะยะมังคะลัง.
3)นะชาลีติ สิมพะลี จะ มะหาเถโร
สุวัณณา มามา โภชะนา มามา

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(6)

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(6)



วัตถุ วัตถา พะลาพะลัง มามา
โภคะ มามา มะหาลาโภ มามา
สัพเพ ชะนา พะหู ชะนา ภะวันตุ เม.
(ปลุกเสกให้คนอื่น เปลี่ยนเป็น เต)
4)สีวะลี จะ มหาเถโร
เทวะตานะระภิปูชิโต
โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
สีวะลี จะ มหาเถโร
ยักขาเทวาภิปูชิโต
 โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
สีวะลี เถรัสสะ เอตัง คุณัง
สวัสดิลาภัง ภะวันตุ เม.
(ปลุกเสกให้ผู้อื่น เปลี่ยน เม เป็น เต)
5)พุทธะ มะอะอุ นะโม พุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา
วิระอิตถีโย วิระมะหาลาโภ
วิระมะหาธะโน พุทธัสสะ มานมานะ
พุทธัสสะ สะวาโหม.
6) นะมามีมา มะหาลาภา อิติพุทธัสสะ
สุวัณณัง วา ระชะตัง วา มณี วา
ธะนัง วา พีชัง วา อัฏฐัง วา ปัตถังวา
เอหิ เอหิ อาคัจเฉยยะ อิติมีมา นะมามิหัง.
7) อิตถี โว กะระณีโย ชาโต

ปุริโส สะมา สะมะ อาคัจเฉยยะ

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(7)

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(7)



อาคัจฉาหิ ติวัตตัพโพ อาคัจฉาหิ ปิยัง มะมะ.
(ปลุกเสกให้คนอื่น เปลี่ยน มะมะ เป็น ตุยหัง)
8) พุทธัง พะหุชะนานัง เอหิ จิตตัง เอหิ มะนุสสานัง
อิตถิโย ปุริโส จิตตัง พันธัง เอหิ.
(ภาวนาเป่าลงไป 3 จบ หรือ 7 จบ)
9) อิติปูชา จะ มะหาราชา อิติปูชา  จะ มะหาลาภา
สัพพะเสน่หา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ มามา ยาตรา
ยามดี วันชัย มารศร สวัสดีนาโภ นะโมพุทธาย.
10) โอ ปูเจ้าสมิงพราย อยู่บนภูเขาเขียว มีลูกสาวคนเดียว ชื่อว่านางกวัก
โอม เจ้าแม่นางกวัก ข้าฯจักใช้ให้ไปหาเงิน ขอให้ได้เงิน,
ข้าฯจักใช้ให้ไปหาทอง ขอให้ได้ทอง,
ข้าฯจักใช้ให้ไปหาลาภ ขอให้ได้ลาภ
โอม กวัก กวัก โอม รวย รวย ลาภมา ลาภมา
เพี้ยง.
-เสร็จแล้ว ให้เจริญภาวนาพระคาถามงกุฎพระเจ้า แล้วเป่าลงไปที่ศีรษะรูป ให้ระลงมาถึงเท้า 3 จบ
3 ครั้ง พระคาถาว่า :
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ
อิเมนา พุทธะตัง โสอิ อิเสตัง พุทธะปิติอิ.

-เสร็จแล้วให้สวดบท ชะยันโต เป็นการเฉลิมฉลองรูปแม่สุภาวดี หรือแม่นางกวักให้ทรงอิทธิความขลังความศักดิ์สิทธิ์
ในทางอวยโชคอวยลาภ ประสิทธิ์ความร่ำรวยให้แก่ผู้นำไปบูชา ตามที่ประสงค์ ว่า:
ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน
เอวัง มัยหัง วิชะโย โหมิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร
อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะตีติ.
(หากทำให้คนอื่น ต้องเปลี่ยน มัยหัง เป็น ตุยหัง วิชะโย โหหิ)

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(8

พระคาถาสำหรับปลุกเสกแม่นางกวัก(8)


-และจบลงด้วย พระคาถาว่า :
อิจฉิตัง ปัตถิตัง มัยหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ
สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา
มณิโชติระโส ยะถา.
(ทำให้ผู้อื่น คำว่า มัยหัง เปลี่ยนเป็น ตุยหัง)
จบพิธีปลุกเสกแล้ว ให้นั่งแผ่เมตตาจิต ให้แก่มนุษย์และสัตว์ทุกภพภูมิ โดยแผ่ว่า
สัพเพ สัตตา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.
ด้วยอานุภาพบุญฤทธิ์ความขลัง ความวิเศษ ของรูปแม่นางกวัก ซึ่งผ่านพิธีการปลุกเสกโดยสมบูรณ์แล้วนี้
สถิตอยู่ในห้างร้านของพ่อค้าแม่ค้าใด ขอให้หมู่ชนหลั่งไหลเข้าไปอุดหนุนซื้อสินค้า
ในสถานที่แห่งนั้น ทำให้เจ้าของสินค้า ขายคล่อง ขายดี มั่งคั่ง ร่ำรวย สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง
สมความปรารถนายิ่งๆขึ้นไปเทอญ.

เกร็ดประวัติแม่นางกวัก:ปฐมกำเนิดแม่นางกวัก

ปฐมกำเนิดแม่นางกวัก


คำว่า นางกวัก เป็นชื่อเรียกกันแบบสะดวกและง่ายๆตามความเข้าใจที่รู้กันทั่วๆไป หมายถึง รูปปั้นหรือสัญลักษณ์ตัวแทนของสตรี ผู้มีฤทธิ์อานุภาพและความขลังสูงพิเศษ ในการดึงดูดจิตใจของคนทั่วๆปให้มาซื้อสินค้าในร้านและห้างของตนนั่นเอง ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจการค้าทั้งน้อยและค้าใหญ่นิยมอัญเชิญมาสถิตอยู่ในร้านค้าของตน เพื่อเซ่นสรวง บูชา อธิษฐาน ให้การประกอบธุรกิจคล่องตัว ได้ผล ได้กำไร ร่ำรวยกันอย่างแพร่หลาย และก็ประสบความสำเร็จตามที่อธิษฐานกันแทบทั่วหน้า


โอกาสนี้จึงขอนำประวัติ หรือตำนาน หรือ เกร็ดความรู้ ที่เกี่ยวกับเรื่องราวและอิทธิของแม่นางกวัก ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการดลบันดาลให้กิจการค้าของพ่อค้าแม่ค้า มีลูกค้าเพิ่มขึ้นและดำเนินไปสู่ความมั่งคั่งร่ำรวยได้ หากในห้างร้านของตนมีรูปแม่นางกวักสถิตอยู่ ตามที่ผู้รู้ในการก่อนได้บันทึกไว้ มาแสดงให้ท่านที่สนใจได้รับทราบประดับความรู้ เพิ่มความศรัทธาให้มั่นคงแต่พอสังเขปเป็นลำดับไป


เมื่อ 2500 กว่าปีล่วงมาแล้ว สมัยตอนต้นของพระพุทธศาสนา ได้มีเมืองๆหนึ่งชื่อ มิจฉิกาสัณฑนคร ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากนครสาวัตถีประเทศอินเดียเท่าใดนัก 


ณ เมืองนี้เองมีสามีภรรยาที่เลี้ยงชีพด้วยการหาซื้อสินค้าต่างๆมาเสนอขายแก่เพื่อนบ้านอยู่ครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวชื่อสุจิตตพราหมณ์ ภรรยาชื่อสุมณฑา สองสามีภรรยามีบุตรสาวอยู่คนหนึ่งชื่อสุภาวดี 

ผลของการประกอบธุรกิจทางการค้าขายของเล็กน้อยช่วยให้ครอบครัวดำรงอยู่ได้ ไม่ฝืดเคืองเดือดร้อนเรื่องปัจจัย 4 ซึ่งมีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันเช่นบางครอบครัว


ต่อมาสุจิตตพราหมณ์ได้ซื้อเกวียนมา 1 เล่ม นำสินค้าบรรทุกเกวียนไปเร่ขายและขายส่งในต่างถิ่นเป็นการเปิดกตลาดเป็นกรณีพิเศษ ในการนำสินค้าไปจำหน่ายแต่ละครั้ง บางเที่ยวบุตรสาวได้ขอติดเกวียนไปกับบิดาด้วย เพื่อศึกษาหาประสบการณ์และชมภูมิประเทศให้เกิดความเพลิดเพลินตามประสาเด็ก

กุศลบารมีนำให้พบพระอรหันต์ ได้ของขลังจากพระอริยะเจ้า

กุศลบารมีนำให้พบพระอรหันต์ ได้ของขลังจากพระอริยะเจ้า


ในการติดเกวียนไปค้าขายกับบิดาของเธอนี้เอง เมื่อถึงตำบลที่พักขายของก็ได้มีโอกาสได้พบกับพระกุมารกัสสปเถระเจ้า ซึ่งจาริกไปแสดงธรรมตามหมู่บ้านในเวลานั้น เธอได้เข้าไปฟังธรรม มีใจเข้าถึงธรรม ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ


ก็แลพระกุมารกัสสปเถระองค์นี้ เป็นผู้มีเมตตาและเสน่ห์ในตน มีปฏิปทามุ่งหาแสวงหาคุณยิ่งใหญ่ พูดจาไพเราะนิ่มนวลอ่อนหวานเป็นเลิศ ทรงคุณสมบัติอันเป็นย่อเกิดอันประเสริฐแห่งคุณธรรม และอิฐผลชั้นนำที่มนุษย์มุ่งแสวงหา สถิดอยู่ในตัวท่านสูง


หลังจากเธอฟังพระธรรมเทศนาจากท่านแล้วและจะลากลับที่พัก ท่านพระกุมารกัสสปเถระเจ้าก็ได้กำหนดจิต รวมพลังอำนาจซึ่งเป็นอำนาจจิตของพระอรหันต์ ประสิทธิ์ประสาทให้สาวน้อยสุภาวดีรวมทั้งบิดามารดาและทุกคนในครอบครัว จงเจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ด้วยทรัพย์สิน เงินทอง จากการค้าขายสมความปรารถนาเถิด และท่านพระกุมารกัสสปเถระเจ้าก็ประสิทธิ์ประสาทพรกันนี้ในทุกครั้งที่สาวน้อยสุภาวดีมีโอกาสไปฟังธรรมจากท่าน และในเวลากราบอำลากลับที่พัก


กาลต่อมาบิดของนางได้นำสินค้าไปขายในเมืองและถิ่นอื่นอีก ด้วยกุศลบารมีบันดาล สาวน้อยสุภาวดีก็ได้พบและได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระสีวลีเถระเจ้า ซึ่งจาริกไปแสดงธรรมในถิ่นเดียวกับที่บิดาของนางนำสินค้าไปขายอีกรูปหนึ่ง สาวน้อยสุภาวดีจึงได้รับความรู้แตกฉานในหลักธรรมและหลักปรัชญาชีวิตด้านต่างๆเพิ่มขึ้น


ก็แลพระสีวลีเถระเจ้าองค์นี้ เป็นผู้มีชีวิตอัศจรรย์กว่าพระอริยสงฆ์สาวกองค์อื่นในโลก คือท่านอยู่ในครรภ์ของมารดานานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน จึงคลอดออกจากท้องท่านมารดา ด้วยบุญพาวาสนาส่งของท่านที่ติดมากับวิญญาณธาตุหรือจิตวิญญาณ จึงเป็นพลวปัจจัยให้ท่านเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความเป็นผู้มีลาภ สักการะ ไหลมาหาท่านแทบตลอดเวลา เมื่อถึงคราวจำเป็นและต้องการ


เมื่อสาวน้อยสุภาวดีไปฟังท่านแสดงธรรมและเข้าไปกราบเพื่อลาท่านกลับที่พัก ท่านพระสีวลีเถระเจ้า ก็ได้กำหนดจิตรวมพลังซึ่งเป็นอำนาจจิตของพระอรหันต์ ประสิทธิ์ประสาทพรให้นาง เช่นเดียวกับที่ท่านพระกุมารกัสสปเถระเจ้าประสิทธิ์ประสาทพรให้แก่เธอ


ด้วยบารมีบุญฤทธิ์ในตัวของสาวน้อยสุภาวดี ที่ได้รับพิเศษจากพระอรหันต์ขีณาสพถึง 2 องค์ ในลักษณะให้สัมฤทธิ์ผลเช่นเดียวกัน เมื่อนางติดเกวียนไปขายสินค้าในที่ต่างๆกับบิดา พรพระอรหันต์ประสิทธิ์ผลให้บิดาและนางทำมาค้าขายได้กำไรคล่องตัวทุกครั้ง


เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ครอบครัวของนางก็มั่งคั่งร่ำรวยอยู่ในขั้นเศรษฐี และมหาเศรษฐี มีทรัพย์ศฤงคารมากมาย มีเกวียนเพื่อบรรทุกสินค้าและเป็นพาหนะมากมาย เกือบเทียบได้กับท่านธนัญชัยเศรษฐี บิดาของท่านวิสาขามหาอุบาสิกา ชาวเมืองสาเกตุแคว้นโกศล และท่านมิคารเศรษฐีพ่อผัวของท่าoวิสาขาชาวเมืองสาวัตถีแคว้นมคธทีเดียว

บิดารู้ประจักษ์ว่าบุตรสาวเป็นตัวสิริของตน(สิริ ภาคมาสโย)

บิดารู้ประจักษ์ว่าบุตรสาวเป็นตัวสิริของตน(สิริ โภคานมาสโย)


ด้วยเหตุที่ท่านสุจิตตพราหมณ์รู้ตัวว่า การที่ครอบครัวของตนมั่งคั่งร่ำรวยเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ เกิดจากอานุภาพและบุญญาธิการของบุตรสาว ที่ได้รับพรวิเศษหรือของดีมาจากพระอรหันต์ 2 รูป นางจึงเป็นตัวสิริมงคลที่แท้จริงของเขา(ตรงกับพระพุทธภาษิตท่ว่า สิริ โภคานมาสโย(สิริเป็นที่ไหลมาแห่งโภคะ) ฉะนั้นไม่ว่าจะไปค้าขาย ณ เมืองใด ก็มักให้บุตรสาวติดเกวียนไปด้วย และช่วยขายทุกครั้ง ผลที่ได้รับก็คือค้าขายได้คล่อง มีกำไร มหากำไร ทุกเที่ยวทุกครั้ง ไม่เคยพบกับคำว่าขาดทุนเลย

บิดาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม มีจิตตั้งอยู่ในภูมิโสดาบัน

บิดาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม มีจิตตั้งอยู่ในภูมิโสดาบัน


กาลต่อมาเมื่อท่านสุจิตตพราหมณ์เป็นคฤหบดีแล้ว ก็ได้มีโอกาสเข้าไปเฝ้าและฟังธรรมจากพระพุทธองค์ และปฏิบัติศีลธรรมตั้งอยู่ในภูมิของพระโสดาบันบุคคล มีศรัทธาไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย ได้ยกอุทยานชื่อว่า อัมพาฏกวัน อุทิศถวายเป็นสังฆทาน เพื่อภิกษุจากทุกทิศได้มาพัก แล้วสร้างวิหารหลังใหญ่ไว้ในอุทยาน นิมนต์พระภิกษุชื่อพระสุธรรมเถระให้เป็นเจ้าอาวาส และตั้งชื่อวัดว่า มัจฉิกาสัณฑาราม พร้อมกันนั้นก็ได้ถวายปัจจัยแก่ภิกษุสงฆ์เป็นประจำ


ต่อมาถึงคราวที่ท่านนำสินค้าไปขายยังเมืองอื่นที่ไกลออกไป ก็จะประกาศถามภิกษุและภิกษุณี ตลอดจนถึงประชาชนที่เป็นพุทธบริษัท และคนที่นับถือศาสนาอื่นว่า ใครมีธุระจำเป็นที่จะไปเมืองนั้นบ้าง ซึ่งบางครั้งก็มีผู้แจ้งความประสงค์จะไปเป็นจำนวนเรือนพัน ท่านก็จัดเกวียนเป็นต้นเป็นพาหนะพิเศษนำพาคนเหล่านั้นไปส่งด้วยตามประสงค์ ทั้งยังช่วยเหลือบุคคลและหมู่คนด้านต่างๆด้วยไมตรีจิตอยู่เนืองนิตย์ตลอดชีวิตของท่าน

ประชาชนเริ่มนับถือเพราะเห็นความขลังอันเกิดจากบุญฤทธิ์ในตัวท่านสุภาวดี

ประชาชนเริ่มนับถือเพราะเห็นความขลังอันเกิดจากบุญฤทธิ์ในตัวท่านสุภาวดี




จริยาวัตรทั้งหมดที่ท่านสุจิตตพราหมณ์บำเพ็ญไป ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มพูนให้ประชาชนหลายหัวเมืองรู้เรื่องราวความดี ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ในตัวสาวน้อยสุภาวดี ที่ทำให้พ่อแม่ร่ำรวยเห็นประจักษ์กับตาเป็นอย่างดี จึงพากันยกย่องนับถือบูชาเกียรติคุณ อานุภาพ บุญบารมีในตัวนางผู้มีพรสวรรค์ และมีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดโชคลาภในทางค้าขาย ตลอดจนถึงความเป็นผู้มีกาย วาจา ใจบริสุทธิ์จากการมีศีลและทรงคุณธรรมของนางด้วย

เวลาสิ้นสุดแห่งชีวิตของท่านสุภาวดีหรือแม่นางกวัก

เวลาสิ้นสุดแห่งชีวิตของท่านสุภาวดีหรือแม่นางกวัก


เมื่อวันเดือนปีหมุนเวียนเปลี่ยนผันไป สังขารร่างกายของมนุษย์ก็พลอยชำรุดเจ็บไข้แก่เฒ่าและตายไปจากโลกตามกฎของธรรมนิยาม และกฎไตรลักษณ์ไปโดยลำดับ ในที่สุดก็ต้องแก่เฒ่าและสิ้นลมปราณลาลับไปจากโลกไปด้วย ทิ้งแต่ชีวิตประวัติปฏิปทาที่ดีงามพร้อมทั้งความขลังความมีอิทธิในทางมีโชค มีลาภความร่ำรวยด้วยการค้า จากบุญฤทธิ์ที่ติดอยู่กับจิตวิญญาณของท่าน ไว้ให้คนรุ่นหลัง และผู้ที่ยังไม่ตายในครั้งนั้น ได้รู้เห็นและจารึกไว้ในความทรงจำตลอดไปและตลอดมา

มีผู้คิดปั้นรูปท่านสุภาวดีขึ้นไว้ให้เกิดผลดีแก่การค้าของตน

มีผู้คิดปั้นรูปท่านสุภาวดีขึ้นไว้ให้เกิดผลดีแก่การค้าของตน


หลังจากที่ท่านอุบาสิกาสุภาวดีได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ชาวภารตประเทศทั้งที่เป็นวรรณพราหมาณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร ซึ่งรู้เกียรติประวัติความขลังความศักดิ์สิทธิ์ในตัวท่าน ประสงค์จะให้ตนเกิดความร่ำรวยด้วยการค้าขาย หรือคิดตั้งตัวเป็นอาจารย์ประสงค์จะได้ลาภจากผู้ที่ประกอบการค้าอีกที ก็ได้หาวัตถุมาทำเป็นรูปของท่านสุภาวดีขึ้นไว้ แล้วทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญวิญญาณและบารมีอานุภาพของท่นสุภาวดีให้มาสถิตอยู่ในรูปปั้นนั้น แล้วนำไปบูชาอธิษฐานให้มีผู้หลั่งไหลมาซื้อสินค้าของตนและได้กำไรร่ำรวย เหมือนอย่างที่บิดามารดาและครอบครัวของนางได้ร่ำรวยการค้ามาแล้ว


การสร้างรูป ตั้งจิตอธิษฐานอัญเชิญวิญญาณพร้อมอานุภาพและบารมีของท่านอุบาสิกาสุภาวดีให้มาสิงสถิตอยู่ในรูปปั้นและรูปเขียนขึ้น(โดยจิตวิญญาณเมื่อจะมาสถิตจะแบ่งอนุภาคมาเอง) จึงได้รับความนิยมนับถือศรัทธาจากประชาชนในครั้งกระโน้นเป็นอันมาก เพราะเมื่อผู้ผลิตหรือผู้ทำพิธีปลุกเสกอัญเชิญจิตวิญญาณและบุญฤทธิ์บารมีของท่านให้มาสถิตในรูปด้วยโองการที่ถูกต้อง และปลุกเสกด้วยบทพระเวทตามตำรา และด้วยอำนาจจิตของผู้ทำพิธีประกอบหรือสหรคตด้วยเมตตาและสมาธิสูงดีแล้ว ปรากฏว่าได้ประสิทธิ์และอำนวยผลให้ผู้นำรูปไปตั้งบูชาไว้ในร้านค้าประสบความสุขมั่งคั่งร่ำรวยสมความปรารถนามามากต่อมากแล้วอย่างน่าอัศจรรย์

รูปปั้นแทนตัวท่านสุภาวดีหรือแม่นางกวักขยายมาสู่ความนิยมนับถือของคนไทย

รูปปั้นแทนตัวท่านสุภาวดีหรือแม่นางกวักขยายมาสู่ความนิยมนับถือของคนไทย


จำเนียรกาลต่อมา เมื่อพราหมณ์ได้เดินทางมาตั้งถิ่นฐานในแถบสุวรรณภูมิ แถบลาว ไทยพม่า เขมร ญวน ก็ได้นำพิธีปั้นรูปหรือเขียนยันตต์ลงอักขระในลักษณะเป็นตัวแทนของท่านอุบาสิกาในท่ายืนบ้างท่านั่งบ้าง โดยทำมือในลักษณะกวักเรียกคนให้มาหาตนหรือมาซื้อสินค้าของตน รูปท่านั่งก็จำลองมาจากการที่นางนั่งขายของอยู่บนเกวียน รูปท่ายืนก็จำลองหรือยึดภาพในท่าที่ท่านยืนขายสินค้าและเรียกคนอยู่นอกให้เข้ามาข้างในสถานที่นำสินค้าออกมาวางขายหรือขายส่ง


เมื่อปั้นรูปและทำพิธีปลุกเสกเสร็จแล้ว บางราบก็เก็บไว้บูชาเอง  บางรายก็ทำตนเป็นอาจารย์ ทำไว้มอบให้เป็นของขวัญของสมนาคุณแก่พ่อค้าแม่ขายที่สนิทสนมและมีอุปการคุณแก่ผู้เป็นอาจารย์ ในฐานะใดฐานะหนึ่งเพื่อให้บารมีอานุภาพและจิตวิญญาณของท่านสุภาวดีที่ได้อัญเชิญมาสถิตอยู่ในรูปปั้นและยันต์ได้ช่วยเข้าไปครองไปดึงดูดใจคนที่ผ่านไปมาให้ตัดสินใจเข้ามาซื้อสินค้าในร้านที่มีรูปปั้นของท่านวางบูชาอยู่ให้มากๆและได้กำไรรวยเร็วๆ

ปัจจัยที่สนับสนุนบันดาลให้รูปแม่นางกวักมีอิทธิ ประสิทธิ์ผลให้ผู้บูชาทำมาค้าขายได้คล่อง

ปัจจัยที่สนับสนุนบันดาลให้รูปแม่นางกวักมีอิทธิ ประสิทธิ์ผลให้ผู้บูชาทำมาค้าขายได้คล่อง


การที่รูปปั้นท่านสุภาวดีหรือแม่นางกวักจะสำแดงฤทธิ์ส่งผลให้เจ้าของมีลูกค้าเข้าไปอุดหนุนมากน้อยเพียงใด และจะร่ำรวยมากน้อยขนาดไหนนั้น ท่านผู้รู้แต่ปางก่อนกล่าวว่า อยู่ที่ความถึงพร้อมความสมบูรณ์แห่งปัจจัย 2 ประการ

ปัจจัยประการที่ 1
อยู่ที่ตัวอาจารย์ผู้ปั้นรูป หล่อรูป เขียนรูป เขียนยันต์ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วได้ทำพิธีปลุกเสกให้ถูกต้องตามตำราให้จริงจังมากน้อยเพียงใด

ปัจจัยประการที่ 2
อยู่ที่ผู้ค้าขายเอง ว่ามีคุณลักษณะดังกล่าวต่อไปนี้อยู่ในตัวมากน้อยอย่างไรเพียงใด
-มีความศรัทธาเชื่อมั่นในบุญฤทธิ์ในกุศล คุณธรรม ความดีของท่านเจ้าของรูปซึ่งเป็นตัวแทนของท่านสุภาวดีหรือแม่นางกวักมากน้อยแค่ไหน
-มีศีล มีคุณธรรมด้านต่างๆในจิตสำนึกในตัวตนสูงต่ำมากน้อยเพียงใด
-รู้จักผลิต รู้จักปรับปรุง รู้จักแยกแยะ รู้จักนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการ ความจำเป็นของหมู่คนมาจำหน่ายหรือไม่ ตลอดถึงราคารับทำและราคาจำหน่ายเป็นธรรม เหมาะสมกับปริมาณ คุณภาพตามกาลสมัยที่คนส่วนมากหรือผู้ที่รู้เห็นภาวะที่เป็นจริงกันยอมรับหรือไม่เพียงใด
-กิจการค้าของตนมีการซ่อนเร้น ลักษณะที่เรียกว่าคดในข้อ งอในกระดูก(เช่น โกงตาชั่ง ค้าของปลอม รับสินบน เป็นต้น) แก่ลูกค้า  อยู่ในจิตใจ อยู่ในการประกอบ หรือไม่เพียงใด
-เป็นคนมีลักษณะที่พาให้ฉิบหายทั้ง 6 ประการ อยู่ในตัวมากน้อยเพียงใด คือ
(1) เป็นคนมีปกติดื่มสุราอย่างคนถ่อยอันธพาลขาดการกำหนดความพอดีและเวลารวมทั้งเป็นคนเห็นแกนอนและนอนตื่นสาย
(1) เกียจคร้านไม่ทำงานโดยอ้างเหตุต่างๆแต่ชอบเล่นการพนัน
(3) เป็นคนใจและวาจาสามหาวดุร้ายพูดจาไม่คิดผูกไมตรี
(4) เป็นคนใช้ของใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่มัธยัสถ์ใช้กลลวงสร้างหลักฐานสัญญา ใช้อุบายวิธีบิดพลิ้วเงินทองที่เป็นส่วนเป็นสิทธิ์ของผู้อื่น
(5) เป็นคนประมาทขาดเฉลียว ถือโอกาสเดินทางไกลไปรับทรัพย์สินในสถานที่ซึ่งภัยซ่อนอยู่แต่ผู้เดียว
(6) เป็นคนใช้รูปร่างและเงินเป็นสื่อแล้วเป็นชู้กับสามี-ภรรยาของผู้อื่น และเป็นคนถูกครอบงำด้วยแรงของกามตัณหาและภวตัณหา(ความยากมีอยากเป็น) แล้วคิดและลงมือแสวงหาเงินตราในทางที่ผิดมาสนอง
-รู้จักวางตัวกับลูกค้า รู้จักเปล่งถ้อยคำได้ไพเราะอ่อนหวาน รู้จักแสดงกิริยาสุภาพอ่อนโยนต่อลูกค้า การตามรู้ตามศึกษา มีหูตากว้างไกลเกี่ยวกับสถานการณ์เกี่ยวกับการแปรผันของสินค้า และรู้ความต้องการของบุคคลในสังคมแต่ละระดับ ได้จะแจ้งมากน้อยเพียงใด
-นอกจากทำการค้าเพื่อหวังผลกำไร หวังความร่ำรวยแล้ว ยังคิดปลูกไมตรีจิตมิตรภาพกับคนทั่วไป ด้วยการแสดงความเป็นผู้รู้จริงในสิ่งนั้นๆ(เท่าที่รู้) ด้วยการแสดงไมตรีจิตประกอบด้วยวิจารณญาณ(พิจารณามหาพิจารณา) ให้ลูกค้าเห็นตนเป็นคนดี เห็นตนเป็นที่พึ่งที่ปรึกษาแก่เขาได้ มากน้อยเพียงใด
-ทำการค้าได้กำไร ร่ำรวยแล้ว ได้แบ่งทรัพย์ออกบำเพ็ญประโยชน์เกื้อกูลแก่เพื่อนร่วมสังคม ในด้านนั้นๆ จนคนในสังคมของตนรู้เห็นได้รับและเกิดความยินดีรักใคร่นับถือได้มากน้อยเพียงใด
สรุปว่า เมื่อผู้ใดได้รูปแม่นางกวักที่สำเร็จจากปัจจัยที่ 1 และเจ้าตัวผู้ประกอบธุรกิจการค้าเอง ถึงพร้อมด้วยปัจจัยประการที่ 2 เป็นที่เชื่อได้แน่นอนว่า การค้าของผู้นั้น จะมากไปด้วยลูกค้ามากหน้าหลายตา ที่ประดังหลั่งไหลเข้ามาอุดหนุน และจะต้องประสบความร่ำรวยได้สมความปรารถนาทันตาเห็น ซึ่งมีรูปแม่นางกวักไว้บูชา เป็นประธานหลักทุกคนอย่างแน่นอน.